วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ขนมฝอยทอง



       เครื่องปรุง 
* ไข่เป็ด 5 ฟอง
* ไข่ไก่ 5 ฟอง
* น้ำตาลทราย 2 1/2 ถ้วยตวง
* น้ำลอยดอกมะลิ 1 1/2 ถ้วยตวง (หรือน้ำเปล่า)
* ไข่น้ำค้าง 2 ช้อนโต๊ะ(ไข่ขาวส่วนที่เป็นน้ำใสๆ ที่ติดอยู่กับเปลือกด้านป้าน)
* น้ำมันพืช 1 ช้อนชา
* กรวยทองเหลืองหรือกรวยใบตอง (สำหรับโรยไข่ในกระทะ)
* ไม้แหลม (สำหรับตักและพับฝอยทองในกระทะ)

ขนมอาลัว


เครื่องปรุง









* แป้งสาลี 1 1/2 ถ้วยตวง
* แป้งถั่วเขียว 1/2 ถ้วยตวง
* แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
* น้ำลอยดอกมะลิ 6 ถ้วยตวง
* มะพร้าวขูด 350 กรัม
* น้ำตาลทราย 5 1/2 ถ้วยตวง
* สีผสมอาหาร (บางสีอาจใช้ดอกไม้หรือใบไม้ได้ เช่น สีเขียว - ใบเตย, สีม่วง - ดอกอัญชัญ)






วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. นำมะพร้าวขูดไปผสมกับน้ำลอยดอกมะลิ จากนั้นนำไปคั้นจนได้น้ำกระทิ
2. นำแป้งสาลี, แป้งถั่วเขียว และแป้งมันร่อนผสมกัน
3. นำน้ำกะทิผสมกับแป้งและน้ำตาล คนจนละลายเข้ากันดี จึงนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง เสร็จแล้วนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง ใส่สีผสมอาหารลงไป และกวนเรื่อยจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี (แป้งจะมีลักษณะเหนียวใสๆ ถ้านำไปหยอดในน้ำ แล้วแป้งยังคงรูปอยู่ก็เป็นอันใช้ได้)
4. นำน้ำแป้งที่ได้ตักใส่ถุงบีบ แล้วจึงบีบลงในถาดที่ทาเนยขาวบาง ๆ แล้วจึงนำไปตากแดดสัก 2 - 3 แดด เสร็จแล้วนำไปอบควันเทียน
5. จัดใส่จานเสริฟได้ทันที หรือใส่กระปุกมิดชิดเก็บไว้รับประทานภายหลังได้


ที่มา   www.ezythaicooking.com

วันพฤหัสบดีที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ประวัติขนมไทย




ในสมัยโบราณคนไทยจะทำขนมเฉพาะวาระสำคัญเท่านั้น เป็นต้นว่างานทำบุญ เทศกาลสำคัญ หรือต้อนรับแขกสำคัญ เพราะขนมบางชนิดจำเป็นต้องใช้กำลังคนอาศัยเวลาในการทำพอสมควร ส่วนใหญ่เป็น ขนมประเพณี เป็นต้นว่า ขนมงาน เนื่องในงานแต่งงาน ขนมพื้นบ้าน เช่นขนมครก ขนมถ้วย ฯลฯ ส่วนขนมในรั้วในวังจะมีหน้าตาจุ๋มจิ๋ม ประณีตวิจิตรบรรจงในการจัดวางรูปทรงขนมสวยงาม
ขนมไทยที่นิยมทำกันทุกๆ ภาคของประเทศไทย ในพิธีการต่างๆ เนื่องในการทำบุญเลี้ยงพระ ก็คือขนมจากไข่ และมักถือเคล็ดจากชื่อและลักษณะของขนมนั้นๆ งานศิริมงคลต่างๆ เช่น งานมงคลสมรส ทำบุญวันเกิด หรือทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ส่วนใหญ่ก็จะมีการเลี้ยงพระกับแขกที่มาในงาน เพื่อเป็นศิริมงคลของงานขนมก็จะมีฝอยทอง เพื่อหวังให้อยู่ด้วยกันยืดยาว มีอายุยืน ขนมชั้นก็ให้ได้เลื่อนขั้นเงินเดือน ขนมถ้วยฟูก็ขอให้เฟื่องฟู ขนมทองเอกก็ขอให้ได้เป็นเอก เป็นต้น


ข้าวเหนียวมะม่วง


เครื่องปรุง
          
                


 * มะม่วงสุก 3 ลูก
* ข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม
* หัวกะทิ 450 กรัม
* เกลือป่น 3/4 ช้อนชา
* น้ำตาลทราย 550 กรัม
* ใบเตย 3-5 ใบ
* ถั่วทอง 5 ช้อนโต๊ะ
* หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง (สำหรับทำน้ำราด)
* เกลือป่น 1/4 ช้อนชา (สำหรับทำนำ้ราด)                                 

วันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ขนมปุยฝ้าย

เครื่องปรุง

แป้งสาลีตราบัวแดง 800 กรัม 
ผงฟู 4 ช้อนชา 
น้ำตาล 700 กรัม 

SP 8 ช้อนชา 
น้ำ 1 + 1/ 2 ถ้วย 
นมข้นไม่หวานหรือกะทิ 1 + 1/ 2 ถ้วย 
ไข่ไก่ฟองโต ๆ 4 ฟอง (ฟองเล็ก 5 ฟอง) 
น้ำมะนาว 6 ช้อนโต๊ะ 
กลิ่นวานิลา 2 ช้อนชา

วิธีทำ
นำแป้งสาลีมาร่อนรวมกับผงฟู 3 ครั้ง แล้วนำไปตากแดดจัด ๆ สักพัก 

2. เทน้ำใส่ลงในอ่างผสม เติม SP ลงไปแล้วตีให้เข้ากัน จากนั้นใส่นมข้นไม่หวาน น้ำตาลทราย และไข่ไก่ ตีต่อให้ขึ้นฟูขาวเป็นเนื้อครีม (ประมาณ 15 - 20 นาที) จากนั้นเติมน้ำมะนาวและวานิลา ตีต่อให้ส่วนผสมเข้ากัน 

3. จากนั้นค่อย ๆ ใส่แป้งทีละน้อย คนเบา ๆ ให้เข้ากัน ทำไปจนหมดแป้ง (ถ้าชอบให้มีหลายสีก็แบ่งแป้งที่ผสมเสร็จแล้วใสถ้วย หยดสีผสมอาหารสีที่ต้องการลงไปเล็กน้อย คนเบา ๆ ให้เข้ากัน) ตักแป้งที่ผสมเสร็จแล้วใส่กระทงกระดาษ ที่รองด้วยถ้วยตะไล หยอดให้เต็ม วางถ้วยลงในลังถึง 

4. ใส่ลงไป 3 /4 ของลังถึง ตั้งไฟแรงให้น้ำเดือด จึงยกขนมขึ้นวาง ปิดฝาลังถึงให้สนิท ลดไฟใช้ไฟอ่อน นึ่งนาน 5 - 15 นาที (แล้วแต่ขนาดของถ้วย) ยกลังถึงออกจากเตา เอาขนมออกจากถ้วยตะไล วางบนตะแกรงปล่อยให้เย็นจึงเก็บใส่กล่องปิดฝา




ขนมชั้นใบเตย

เครื่องปรุง

แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วย 
แป้งท้าวยายม่อม 2 ถ้วย 
น้ำตาลทราย 6 ถ้วย 
น้ำลอยดอกไม้ 8 ถ้วย 
มะพร้าวขูดขาว 1 กิโลกรัม 
สีเขียวใบเตยนิดหน่อย 
ใบเตยหอม 7 - 10 ใบ 
นำมาล้างให้สะอาดแล้วโขลกให้ละเอียด คั้นเอาแต่น้ำ 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
เชื่อมน้ำตาลทราย 6 ถ้วยกับน้ำลอยดอกไม้ 2 ถ้วย พอเดือด และน้ำตาลละลายหมดกรองด้วยผ้าขาวบาง เพ่อให้ผงที่อยู่ในน้ำตาลทรายออกให้หมด แล้วทิ้งไว้ให้เย็น 

คั้นมะพร้าวด้วยน้ำลอยดอกมะลิ 6 ถ้วย ให้ได้น้ำกะทิ 6 ถ้วยตวง จากนั้นำแป้งข้าวเจ้า แป้งท้าวยายม่อมมาฟสมกับน้ำกะทิ เติมด้วยน้ำเชื่อมที่เตรียมไว้ คนให้เข้ากัน แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 เติมน้ำใบเตยคั้นและสีเขียวลงไป (ระวังอย่าให้สีจัด) อีกส่วนหนึ่งใช้เป็นสีขาว 

นำถาดเหลี่ยม หรือกลมก็ได้ตามขนาดที่ต้องการ ใส่บนลังถึงตั้งบนไฟแรง ๆ พอน้ำเดือด จึงเปิดฝาออก ตักแป้งส่วนที่เป็นสีขาวเทใส่ลงไปบาง ๆ ประมาณ 1 /4 เซนติเมตร (ควรใช้ถ้วยที่มีความจุเท่ากันในการตวงส่วนผสมเพื่อเทแต่ละครั้ง จะได้แป้งที่มีความหนาเท่า ๆ กัน) จากนั้นปิดฝานึ่งจนแป้งสุกใส (ใช้เวลาประมาณ 4 - 5 นาที) แล้วเปิดฝาตักแป้งสีเขียวใส่ลงไปแล้วปิดฝานึ่งต่อ ทำอย่างนี้สลับกันไปจนหมดแป้ง 
ก่อนที่จะหยอดส่วนบนสุดของตัวขนม ควรเติมสีเพิ่มลงไปในแป้งเพื่อให้แป้งมีสีเข้มขึ้นอีกสักหน่อย (เพราะส่วนมากแล้ว สีของขนมชั้นนั้น ชั้นสุดท้ายจะต้องมีสีแก่กว่าชั้นอื่น ๆ) ปิดฝา นึ่งต่อจนแป้งสุกทิ้วไว้ให้เย็น แล้วนำตัดเป็นชิ้น ๆ หรือนำมาพับเป็นรูปต่าง ๆ ตามชอบ